โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

 ประเภท : ข่าวประชาสัมพันธ์

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคใกล้ตัว“วัยทำงาน” thaihealth

แพทย์เตือนวัยทำงาน กลุ่มเสี่ยงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ และมีนิสัยชอบกลั้นปัสสาวะ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น อีโคไล เชื้อโรคเหล่านี้จะมีอยู่มากบริเวณรอบๆ ทวารหนัก สามารถปนเปื้อนผ่านเข้าท่อปัสสาวะและเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะได้ โรคนี้มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่า และอยู่ใกล้ทวารหนัก เชื้อโรคจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่า ส่วนช่วงอายุที่พบโรคนี้ได้มาก อยู่ระหว่างอายุ 20 ปีขึ้นไป ปัจจัยสำคัญที่พบได้บ่อยครั้งของการเกิดโรคนี้ เนื่องจากการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน ที่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ จึงทำให้เกิดนิสัยในการกลั้นปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะแช่ค้างในกระเพาะปัสสาวะ เชื้อโรคที่มีอยู่จึงเจริญเติบโตได้ดี อาการของโรคนี้ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายปัสสาวะกะปริดกระปรอย รู้สึกปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะโดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะสุด บางรายอาจจะมีเลือดปนในปัสสาวะ ปวดบริเวณเอว ท้องน้อย มักต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ชั่วโมงละหลายครั้ง และมีอาการคล้ายถ่ายปัสสาวะไม่สุดอยู่ตลอดเวลา

 นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนมากโรคนี้มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามไปที่ไตทำให้กรวยไตอักเสบ และถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังอาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแทรกซ้อนได้ ผู้ที่มีอาการหรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคโดยดูจากอาการ ตรวจปัสสาวะ หรืออาจจะตรวจในด้านอื่นๆ เพิ่มเติม การรักษาแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ หรือยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 8–10 แก้ว เพื่อขับเชื้อออกทางปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายใน 5–7 วัน หลังรับยาแล้ว ในกรณีผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการที่ยังไม่ดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาในครั้งแรก ควรรีบพบแพทย์โดยทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด ไม่ควรรอดูอาการด้วยตนเองหรือซื้อยารับประทานเอง สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและรักษาหายแล้ว ควรดูแลตนเองป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำโดยการดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ ควรถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะ และควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อลดการติดเชื้อโรค

ข้อมูลไฟล์ที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีข้อมูล!!
ข้อมูลรูปที่เกี่ยวข้อง